ลุงพล

ประวัติ ลุงพล ผู้ต้องสงสัย-คนดัง-จำเลย “คดีน้องชมพู่”

เปิดประวัติ ลุงพล ย้อนเรื่องราวจากผู้ต้องสงสัย จนก้าวสู่คนดัง ก่อนตกเป็นจำเลย “คดีน้องชมพู่” จากคดีดังในปี 2563 กับการหายตัวไปของ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ กระทั่งพบว่าเสียชีวิต จนถึงวันนี้เป็นเวลา 3 ปีกว่า ซึ่งศาลจังหวัดมุกดาหารนัดตัดสินคดีดังกล่าว โดยหนึ่งในจำเลยคนสำคัญคือ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” 

โดย “ลุงพล” เกิดวันที่ 17 ส.ค. 2519 ปัจจุบันอายุ 47 ปี มีภรรยาชื่อนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” มีบุตรด้วยกัน 2 คน ภูมิลำเนาเป็นคน ต.หนองแวงใต้ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร โดยก่อนหน้าประกอบอาชีพทำไร่ทำนาและรับจ้างทั่วไป และเคยเป็นตัวแทนธุรกิจขายตรง

เริ่มเป็นที่รู้จักจาก คดีน้องชมพู่

ชื่อของลุงพลเริ่มเป็นที่รู้จักในโซเชียล จากคดีของ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบหายตัวไปก่อนจะพบว่าเสียชีวิต และศพอยู่ห่างจากบ้าน 2 กิโลเมตร จากสภาพศพที่มีร่องรอยหนามตามแขนขา ก่อนจะพบกางเกงที่ถูกถอดเอาไว้ของผู้เสียชีวิต รวมไปถึงรองเท้าที่ตกหล่นอยู่ระหว่างทาง ทำให้ตำรวจสันนิษฐานว่าต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังในการพาตัวน้องชมพู่ไปอย่างแน่นอน โดย “ลุงพล” คือหนึ่งในผู้ต้องสงสัยในคดีนี้

กระแส ลุงพลฟรีเวอร์

คดีน้องชมพู่ เป็นคดีใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจ โดยเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโซเชียล ทำให้สื่อต่างๆ หันมาสนใจ ได้มีการเชิญ “ลุงพล” ไปออกสื่อต่างๆ รวมไปถึงวงการบันเทิงและยูทูปเบอร์ ลุงพลได้มีโอกาสร่วมงานในวงการบันเทิง อาทิ พรีเซนเตอร์, รับงานรีวิว, เดินแบบ-ถ่ายแบบ รวมถึงในบ้างงานก็รับคู่กับ ป้าแต๋น ภรรยาของตน ต่อมาได้เปิดช่อง YouTube ชื่อช่องว่า ‘ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่’ โดยมีผู้ติดตามกว่า 358K

อีกทั้งลุงพลยังได้ร่วมงานกับนักร้องลูกทุ่งชื่อดังอย่าง จินตหรา พูนลาภ มีการร้องเพลงคู่กันและเล่น MV เพลง “เต่างอย” ทำให้เกิดเป็นกระแสลุงพลฟรีเวอร์ในโซเชียล แม้คดีของน้องชมพู่จะยังไม่ปิด

ลุงพล

ออกหมายจับ ลุงพล

กระทั่งในเดือน มิถุนายน ปี 2564 ศาลจังหวัดมุกดาหารได้อนุมัติหมายจับลุงพล 3 ข้อหา เกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ โดยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

ในข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย, และกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

ต่อมาในเดือนตุลาคม 2564 ศาลมุกดาหารนัดฟังคำพิพากษากรณี ลุงพล แย่งไมค์และทุบหลังนักข่าว โดยพิพากษาให้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก, 391 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุก 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท โดยจำเลยสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง และเมื่อชันสูตรบาดแผลไม่ร้ายแรงจึงรอลงอาญาไว้ 1 ปี